ความรัก คู่แท้ บุพเพสันนิวาส กับวิชาโ หราศาสตร์ และ การสมพงศ์ดวงชะตา ตอนที่ 3: จักราศีสมพงศ์
วันที่ 01/03/2011 20:46:51
1. จักราศี กับ การสมพงศ์ดวงชะตา
สำหรับตอนที่ 3 นี้ ผู้เขียนขอนำเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือนวนิยายโรแมนติคเรื่อง House of Scorpio ที่เขียนโดย Pat Wallace มาลงไว้เป็นคำนำสำหรับการโหมโรงก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาทางทฤษฎีทางโหราศาสตร์ที่ว่าด้วยการสมพงศ์ดวงชะตาทฤษฎีต่างๆกันต่อไป หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายแนวโรแมนติคที่ว่าด้วยความรักของคู่รักทั้ง 12 ราศี โดยนำหลักวิชาโหราศาสตร์ในเรื่องจักราศีสมพงศ์ (Sun Sign Compatibility) มาใช้เป็นทั้งฉากและกลไกในการขับเคลื่อนตัวละครต่างๆในเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะไม่ใช่ตำราโหราศาสตร์โดยตรง แต่เนื้อหาในตำราสามารถบรรยายความหมายของจักราศีสมพงศ์ได้อย่างรวบรัดและชัดเจน ยิ่งกว่าตำราโหราศาสตร์ล้วนๆบางเล่มเสียอีก ในการนี้จำเป็นต้องลงเนื้อหาต้นฉบับภาษาอังกฤษไว้ด้วย (เนื่องจากเกรงว่าผู้เขียนจะไม่สามารถถ่ายทอดความชัดเจน กระชับ และความไพเราะของการใช้ภาษาในต้นฉบับออกมาด้วยการแปลเป็นภาษาไทยได้ดีพอ) ดังนี้
“Over the years the people of Zodiaca have come to know the wisdom of the ancient natural astrolaws decreeing the magnetic attraction of fire for air and earth for water, the serene compatibility of each with his own element.”
“ตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา มนุษย์ภายใต้จักราศีบนฟากฟ้า ได้เข้าใจถึงกฎเกณฑ์โบราณอันศักดิ์สิทธิ์ของวิชาโหราศาสตร์ ที่ประกาศการมีอยู่ของแรงดึงดูดเข้าหากันระหว่าง ราศีธาตุไฟ กับ ราศีธาตุลม, ราศีธาตุดิน กับ ราศีธาตุน้ำ, และความกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างราศีธาตุเดียวกัน”
“And since time began in Zodiaca, the fatal attraction of the astro – opposites is taught and sung --- the restless sea that seeks the solid calm of land, the flame that is fanned to greater brightness by the cool, flirtatious , ever moving air.”
“และนับตั้งแต่ที่เวลาได้เริ่มต้นขึ้นภายใต้จักราศีบนฟากฟ้านั้น กฎของการดึงดูดเข้าหากันระหว่างขั้วราศีธาตุตรงกันข้าม ก็ได้รับการสั่งสอนสืบทอดกันมาทุกชั่วอายุคน ว่า ---- ทะเลที่ไม่เคยหลับไม่เคยหยุดที่จะร้องเรียกหาความหนักแน่นมั่นคงของแผ่นดินเพื่อพักพิง, และเปลวไฟนั้นจะลุกโชติช่วงส่องสว่างตระการตาได้ก็ต่อเมื่อได้รับแรงหนุนจากกระเสลมที่เยือกเย็น และไม่เคยหยุดพัดเท่านั้น”
2. จักราศีสมพงศ์ กับโลกมายาเมื่อวันวาน (Sun Sign Compatibility in Hollywood’s Golden Age)
ถ้าเราไปดูสถิติคู่สร้างคู่สมในยุคทองเมื่อวันวานของฮอลลีวู้ด ที่ครองชีวิตคู่กันอย่างผาสุกและยั่งยืนและกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันจนถึงปัจจุบันเช่น เฟรด แอสแตร์ กับ จินเจอร์ โรเจอร์, เกรต้า กราโบ กับ จอห์น กิลเบิร์ต, ริชาร์ด เบอร์ตัน กับ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์, และ พอล นิวแมน กับ โจแอน วูดเวิ๊ด ฯลฯ หลายคนจะต้องสงสัยว่ามีการใช้วิชาโหราศาสตร์อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจในเรื่องของความรักกันตั้งแต่สมัยนั้นแล้วอย่างแน่นอน (ความจริงในยุคนั้นวิชาโหราศาสตร์ยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปแพร่หลายในวงการโลกมายาเลย) ทั้งนี้เพราะปรากฏว่าจาก 28 คู่สร้างคู่สมในตำนานรักของฮอลลี่วูดดังกล่าวนั้น เกือบทุกคู่ล้วนมีอาทิตย์สถิตในราศีที่เข้ากันได้ (Hollywood’s Great Love Teams by James Robert Parish, 1974) และมีข้อน่าประหลาดใจทางโหราศาสตร์อีกด้วยที่ปรากฏว่า คู่ที่ไม่เข้ากฎเกณฑ์ดังกล่าวบางคู่นั้นล้วนแต่มีอาทิตย์กำเนิดสถิตในราศีที่เป็น 1/12 กันทุกคู่ ซึ่งรู้กันดีในบรรดานักโหราศาสตร์ว่าราศีที่เป็น 1//12 ต่อกันนั้น เป็นราศีที่เข้ากันไม่ได้
3. อาทิตย์เท่านั้นหรือ ??
หลายท่านอาจสงสัยว่าแค่ดูอาทิตย์กำเนิดเท่านั้นก็ทายได้แล้วหรือ แน่นอนครับแค่ดูอาทิตย์กำเนิดเท่านั้นอย่าว่าแต่เอามาทายสมพงศ์เลย แม้แต่ทายดวงชะตากำเนิดจากอาทิตย์เพียงดวงเดียวย่อมไม่ได้แน่นอน และตำราสมพงศ์ดวงชะตาทุกเล่มก็คงจะกล่าวไว้ตรงกันว่า ในการพิจารณาสมพงศ์นั้นต้องพิจารณาปัจจัยทุกปัจจัยในดวงชะตา คือพิจารณาทั้งดวงชะตาจะพิจารณาจากเพียงอาทิตย์กำเนิดเท่านั้นไม่ได้ โดยเฉพาะพิจารณาจากเพียงการสถิตในราศีซึ่งกว้างถึงราศีละ 30 องศาย่อมต้องไม่ละเอียดเพียงพอแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับการเริ่มต้นเรียนรู้ และแม้แต่การพิจารณาสมพงศ์ในทางปฏิบัตินั้น ผู้เขียนเห็นว่าการเริ่มต้นที่จักราศีสมพงศ์น่าจะเป็นก้าวแรกที่ถูกต้อง และเป็นพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการพิจารณาในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อไป
สถิติในข้อ 2 นั้น ถ้าจะให้ผู้เขียนอธิบาย ก็คงต้องตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบเดิมๆในหนังสือประเภท ซันไซน์ ทั้งหลาย คือเพราะอาทิตย์เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในดวงชะตา ดังนั้นในกรณีที่คนสองคนมีอาทิตย์สถิตในราศีที่เข้ากันได้ดีแล้วนั้น ตามหลักการกระจายทางสถิติที่เป็นโค้งรูประฆัง (normal distribution) เมื่อนำดวงชะตามาเปรียบเทียบกัน ถ้านำดวงชะตาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ คู่เปรียบเทียบส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนมากที่สุดที่ประมาณตรงกลางๆ ดังนั้นเมื่ออาทิตย์เข้ากันได้ดีแล้วโอกาสที่ผลโดยรวมความเข้ากันได้ระหว่างดวงชะตาคู่นั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงกว่าเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ความเข้ากันได้และความรู้สึกที่เป็นมิตรระหว่างบุคคลที่มีอาทิตย์กำเนิดในราศีที่เข้ากันได้ดี จะช่วยให้โอกาสในการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมีมากขึ้น ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักความใคร่ด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อมาถึงตรงนี้เพื่อให้ผู้อ่านบางท่านที่ยังไม่มีพื้นความรู้โหราศาสตร์เลยสามารถจะได้ประโยชน์ และสามารถนำหลักการเรื่องจักราศีสมพงศ์ไปใช้ได้ด้วยตนเอง จึงขอให้รายชื่อราศีที่เข้ากันได้ดีทั้ง 12 ราศีดังนี้
เมษ เข้ากันได้ดีกับ สิงห์, ธนู, มิถุน, และ กุมภ์
พฤศภ เข้ากันได้ดีกับ กันย์, มังกร, กรกฎ และ มีน
มิถุน เข้ากันได้ดีกับ ตุล, กุมภ์, เมษ และ สิงห์
กรกฎ เข้ากันได้ดีกับ พิจิก, มีน, พฤศภ, และ กันย์
สิงห์ เข้ากันได้ดีกับ เมษ, ธนู, มิถุน และ ตุล
กันย์ เข้ากันได้ดีกับ พฤศภ, มังกร, กรกฎ และ พิจิก
ตุล เข้ากันได้ดีกับ มิถุน, กุมภ์, สิงห์ และ ธนู
พิจิก เข้ากันได้ดีกับ กรกฎ, มีน, กันย์ และ มังกร
ธนู เข้ากันได้ดีกับ สิงห์, เมษ, ตุล และ กุมภ์
มังกร เข้ากันได้ดีกับ กันย์, พฤศภ, พิจิก และ มีน
กุมภ์ เข้ากันได้ดีกับ ตุล, มิถุน, ธนู และ เมษ
มีน เข้ากันได้ดีกับ พิจิก, กรกฎ, มังกร และ พฤศภ
ส่วนเหตุผลทางโหราศาสตร์ที่ว่าทำไมราศีเหล่านี้จึงเข้ากันได้ดีนั้น ผู้ที่มีพื้นความรู้ทางโหราศาสตร์จะเข้าใจดีทุกคนว่าเนื่องจากเป็นราศีที่ร่วมธาตุเดียวกัน หรือเป็นธาตุที่เป็นมิตรกัน ยกตัวอย่างเช่น กรณีของราศีเมษนั้น เข้ากันได้ดีกับ ราศีสิงห์ และราศีธนู เพราะว่าเป็นราศีธาตุไฟเช่นเดียวกัน และเข้ากันดีกับราศี มิถุน และกุมภ์ ซึ่งเป็นราศีธาตุลม โดยที่ลมกับไฟเป็นธาตุที่เกื้อหนุนกัน
4. ราศีที่ขาดหายไป
เมื่อดูรายชื่อราศีที่เข้ากันได้ดี และคำอธิบายต่อท้ายที่ว่าเข้ากันได้เพราะร่วมธาตุเดียวกันหรือเป็นราศีธาตุที่เป็นมิตรกันนั้น จะเห็นได้ว่าในทุกรายการจะขาดราศีที่น่าจะเข้ากันได้ดีไปแถวละ 2 ราศีคือ กรณีอาทิตย์สถิตในราศีเดียวกันซึ่งนอกจากจะร่วมธาตุเดียวกันแล้วยังร่วมราศีอีกด้วย ทำไมจึงไม่นำมาพิจารณา อีกกรณีหนึ่งคือราศีที่สถิตเล็งกันอยู่ เช่นเมษ กับ ตุล นั้น จะเป็น ธาตุไฟ กับ ธาตุลม ซึ่งเป็นคู่มิตรกันอยู่ แต่ก็มิได้นำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ในกรณีแรกคือกรณีที่อาทิตย์กำเนิดร่วมราศีกันนั้น ตำราซันไซน์เกือบทุกเล่มที่เคยอ่านมาบอกตรงกันหมดว่า กรณีอาทิตย์กำเนิดอยู่ในราศีเดียวกันนั้นไม่ไห้ผลดีเรื่องการสมพงศ์ดวงชะตาและการเข้ากันได้เลย แม้จะไม่เป็นผลร้ายแต่ก็ไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด ทั้งสองฝ่ายจะมีความรู้สึกจืดชืดในความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาให้ชีวิตรู้สึกดีขึ้นและหรือสมบูรณ์ขึ้นจากความสัมพันธ์ที่มี ซึ่งอาจเรียกในภาษาไทยเราว่า “มีแต่ความเซ็ง” นั่นเอง คำอธิบายนี้ใช้ได้เฉพาะในกรณีที่อย่างอื่นเป็นกลางเท่านั้น แต่ถ้ามีโครงสร้างความสัมพันธ์อื่นๆที่มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คำทำนายอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงก็ได้ เช่นสมมติว่าอาทิตย์กำเนิดที่อยู่ราศีเดียวกันนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดมีจันทร์เข้ามาร่วมราศีด้วยเป็นต้น
ในกรณีที่สองคืออาทิตย์กำเนิดเล็งกันนั้น ตำราส่วนใหญ่กล่าวตรงกันว่า ถ้าเป็นเพศเดียวกันไม่ดี แต่ถ้าเพศตรงกันข้ามกันดี ทั้งนี้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของฝรั่งที่ว่า “Repel means Attract, and Attract means Repel” แปลเป็นไทยได้ความว่า “การผลักกันก็เหมือนกับการดึงดูดกัน และการดึงดูดกันก็คือการผลักกันนั่นเอง” ทั้งนี้เนื่องจากราศีที่เล็งกันอยู่นั้นทางโหราศาสตร์แม้จะเป็นราศีธาตุที่เป็นมิตรกันแต่ก็จะเป็นราศีที่มีประจุไฟฟ้าเดียวกันด้วย ดังนั้นจากหลักพื้นฐานทางไฟฟ้าประจุไฟฟ้าขั้วเดียวกันจะผลักกัน เช่นกรณีระหว่างราศีเมษ (ไฟ ประจุบวก) กับราศีตุล (ลม ประจุบวก) จึงเกิดการผลักกัน ซึ่งแน่นอนเมื่อสองฝ่ายเกิดเป็นเพศเดียวกันอีกการผลักกันจึงยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้นจนถึงขนาดเกิดความเป็นศัตรูระหว่างกันขึ้นได้ ถ้าไม่มีโครงสร้างอื่นมาลดทอนความรุนแรงลง อย่างไรก็ตามตำราส่วนใหญ่กล่าวตรงกันว่าถ้าเป็นคนละเพศกันกลับจะเกิดเป็นความดึงดูดขึ้นแทนและให้ผลดีในเรื่องของการสมพงศ์ดวงชะตา ตำราบางเล่มกล่าวถึงกรณีเพศตรงกันข้ามกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชะตาจะช่วยให้เกิดความสมบูรณ์มากขึ้นในนชีวิต เนื่องจากคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกันได้มาอยู่รวมกัน อย่างไรก็ตามน้ำหนักของผลดีนี้ไม่ได้กล่าวเน้นเหมือนกับกรณี อาทิตย์ทับจันทร์ ที่ว่าเป็นสุดยอดของการสมพงศ์ดวงชะตาเพระเป็นการที่สองครึ่งได้กลับมารวมกันเป็นหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นโครงสร้างความสัมพันธ์ที่ตอบรับเงื่อนไขของ “คู่แท้ (soul mate)” ตามปรัชญาตะวันตกอย่างสมบูรณ์
กรณีการเล็งกันของอาทิตย์กำเนิดนี้ แม้ตำราส่วนใหญ่จะพูดไปในทางที่ดีในกรณีของการสมพงศ์ดวงชะตาระหว่างเพศ แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียน ไม่ค่อยได้เห็นคู่รักที่ประสบความสำเร็จในการครองชีวิตคู่ที่มีโครงสร้างนี้อยู่ด้วย ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับการที่ตำนานรักเมื่อวันวานของฮอลลีวู้ด 28 คู่ไม่มีแม้เพียงคู่เดียวที่มีโครงสร้างความสัมพันธ์นี้ นอกจากนั้นในกรณีที่เป็นเพศเดียวกันนั้น ที่เคยพบส่วนใหญ่มักจะเกิดความรู้สึกที่ว่า “ศรศิลป์ไม่กินกัน” คือไม่ชอบหน้าตั้งแต่เห็นหน้ากันครั้งแรกแล้ว และมักจะเป็นศัตรูกันในความสัมพันธ์ด้วยไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ชนิดใด ส่วนตัว ธุรกิจ เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ปรมาจารย์โหราศาสตร์ของไทยเราเคยกล่าวเตือนไว้เสมอว่า ใครที่ชอบบอกว่าจุดเจ้าตาเล็งกันสมพงศ์กันดีนั้น ให้ระวังไว้ให้จงหนัก กรณีที่ผัวเมียถึงขนาดฆ่ากันตายไปข้างหนึ่งนั้นจะพบโครงสร้างนี้เสมอ โดยท่านให้เหตุผลทางโหราศาสตร์ว่าการเป็นเจ็ดต่อกันนั้นนอกจากจะหมายถึงคู่ครอง หุ้นส่วน คู่สัญญาแล้ว ยังหมายถึง คู่ศัตรู ที่ประจันหน้ากันอย่างรุนแรง เปิดเผย อีกด้วย ดังนั้นในกรณีที่มีโครงสร้างร้ายอื่นอยู่ในความสัมพันธ์ จึงอาจก่อให้เกิดผลร้ายถึงกับฆ่ากันตายไปข้างหนึ่งได้
5. กรณีทุสถานะ 1/12
ส่วนกรณีของอาทิตย์กำเนิดสถิตในราศีที่เป็น 1/12 ต่อกันนั้น ตามกฎเกณฑ์พื้นฐานทางโหราศาสตร์แล้วย่อมเป็นราศีที่ไม่เข้ากันแน่นอน เพราะเป็นราศีธาตุที่เป็นศัตรูต่อกันและยังเป็นตำแหน่งสัมพันธ์ทุสถานะอีกด้วย อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มตำแหน่งของดาวเคราะห์อื่นที่มีความสำคัญในเรื่องการสมพงศ์ดวงชะตาเมื่ออาทิตย์กำเนิดสถิตเป็น 1/12 ต่อกันและกัน ทำให้คู่ที่มีอาทิตย์กำเนิดในตำแหน่งดังกล่าวต่อกัน มีโอกาสจะมีโครงสร้างที่ดีมากอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับอาทิตย์ได้และสามารถลบล้างผลร้ายจากสภาพทุสถาน ะและปรปักษ์ธาตุของอาทิตย์กำเนิดลงได้ ทั้งนี้เนื่องจากดาวเคราะห์ใกล้โลกที่สำคัญคือพุธ และศุกร์นั้นจะโคจรป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้กับอาทิตย์เสมอโดยจะอยู่ห่างไม่เกิน 2 และ 3 ราศี จากอาทิตย์เลย นอกจากนี้ยังมีจันทร์จรบนท้องฟ้าอีกที่จะโคจรมาทับและเล็งกับอาทิตย์เดือนละ 2 ครั้ง
ตัวอย่างเช่นกรณีของ พอล นิวแมน (Paul Newman 26 January 1925 06.30.00 AM EST Clevelland, OH, Zone +05.00 081W4200 41N3000) กับ โจแอน วู้ดเวิด (Joanne Woodward 27 February 1930 04.00.00 AM EST Thomasville, GA, Zone +5.00 083W5900 30N5000) นั้น แม้อาทิตย์กำเนิดเป็น 1/12 ต่อกัน แต่ถ้าพิจารณาโครงสร้างอื่นในบริเวณพื้นที่สองราศี (กุมภ์และมีน) นี้จะพบโครงสร้างความสัมพันธ์ที่สำคัญบางโครงสร้าง ที่สำคัญคือ จันทร์ของพอล อยู่ในราศีมีนกุมอยู่กับอาทิตย์ของโจแอน (โครงสร้าง Soul mate) ดังนั้นพอลจะสามารถเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของโจแอนได้เป็นอย่างดี ในอีกด้านหนึ่ง จันทร์ของโจแอนอยู่ในราศีกุมภ์ ซึ่งเป็นที่สถิตของอาทิตย์กำเนิดของพอล จึงเกิดการกุมกันระหว่างอาทิตย์กับจันทร์ ถึงสองคู่ นอกจากนี้พอลยังมีดาวมฤตยูในราศีมีน ขณะที่โจแอนมีทั้งพุธอยู่ในราศีกุมภ์ของสามีเธอ ไม่เพียงแต่ทั้งคู่จะมีดาวเคราะห์สถิตในราศีกำเนิดของอีกฝายหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองคนยังมีดาวเคราะห์อยู่ร่วมกันในราศีมังกรซึ่งเป็นราศีถัดจากราศีกำเนิดของพอลอีกด้วย ทั้งสองมีลัคนาในราศีมังกรที่องศาใกล้กันมาก พอลมี พุธ ศุกร์ และพฤหัส ในราศีมังกร ขณะที่โจแอนมีดาวเสาร์ในราศีมังกร
โครงสร้างการสมพงศ์ดวงชะตาระหว่างพอล นิวแมน กับ โจแอน วู้ดเวิร์ด นี้ เป็นรูปแบบโครงสร้างที่หาได้ยาก ในกรณีทั่วไปของจักราศีสัมพันธ์ 1/12 นี้ ถ้าไม่ปรากฏว่ามีโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ดีเด่นเช่นในกรณีนี้หลายๆโครงสร้างแล้ว โอกาสที่จะพัฒนาเป็นสัมพันธภาพที่ราบรื่นและเป็นสุขมีน้อย เมื่อเทียบกับการที่ทั้งคู่ต่างก็ไปมีสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่มีอาทิตย์กำเนิดสถิตในราศีที่เข้ากันได้ดีกับราศีกำเนิดของตน ซึ่งจะมีโอกาสโดยทั่วไปมากกว่าในการที่จะได้พบกับสัมพันธภาพที่ราบรื่นและเปี่ยมสุข
6. จักราศีสมพงศ์กับการนำมาใช้
จักราศีสมพงศ์เป็นพื้นฐานในการดูสมพงศ์และความเข้ากันได้ขั้นพื้นฐานที่สุดในวิชาโหราศาสตร์ ซึ่งแม้จะเป็นการพิจารณาอย่างหยาบๆเพียงจากราศีที่อาทิตย์กำเนิดสถิต แต่ก็สามารถให้แนวโน้มพื้นฐานความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อนำระยะเชิงมุมเข้ามาพิจารณาด้วย เช่นในกรณีของตรีโกณร่วมธาตุนั้น ถ้าอาทิตย์กำเนิดทั้งสองทำมุม 120 องศา ภายในระยะวังกะที่เหมาะสมเช่นภายใน 1 องศา ระดับของความเข้ากันได้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เมื่อเทียบกับกรณีของการตรีโกณร่วมธาตุที่ไม่ได้ระยะเชิงมุม ในทำนองเดียวกันการให้โทษก็จะรุนแรงเช่นเดียวกันหากได้ระยะเชิงมุม ตัวอย่างเช่นกรณีของ อาทิตย์เมษ กับ อาทิตย์กรกฎนั้น เป็นตำแหน่งสัมพันธ์ประเภท 90 องศาที่ให้ความขัดแย้ง และยังเป็นราศีธาตุปรปักษ์ระหว่างไฟกับน้ำอีกด้วย ถ้ายิ่งทั้งสองอาทิตย์ทำมุม 90 องศากันอีก ความขัดแย้งและความเป็นศัตรูก็จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกเป็นอันมาก
อย่างไรก็ตามการดูสมพงศ์นั้น โดยทั่วไปจะต้องดูทั้งดวงชะตาจึงจะสามารถให้คำตัดสินได้ด้วยทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีโครงสร้างที่สำคัญอีกหลายโครงสร้างที่สามารถช่วยบรรเทาหรือลบล้างผลร้ายจากจักราศีสมพงศ์ได้เป็นอันมาก ซึ่งแน่นอนรวมถึงยังมีอีกหลายโครงสร้างที่สามารถหักล้างผลดีของจักราศีสมพงศ์ได้เช่นกัน กล่าวสรุปก็คือ ถ้าจักราศีสมพงศ์ชี้ไปในในทางที่ดีแล้ว โอกาสที่จะเกิดความสัมพันธ์ที่ดีและประสบความสำเร็จย่อมมีมาก แต่แม้ว่าจักราศีสมพงศ์จะชี้บอกความขัดแย้งและความเป็นศัตรูอย่างรุนแรง ก็ไม่ใช่ว่าโอกาสดีและความสำเร็จจากความสัมพันธ์นั้นจะหมดสิ้นไปเลยทีเดียว เพราะถ้าหากมีโครงสร้างดีอื่นๆก็จะสามารถช่วยบรรเทาผลร้ายหรือถึงลบล้างโทษจากจักราศีสมพงศ์ลงได้ และในบางกรณีก็สามารถกลับผลร้ายจากคุณลักษณะที่ขัดแย้งกันให้กลายเป็นคุณสมบัติที่เกื้อกูลกันและสร้างความประทับใจและความรักแก่กันอย่างลึกซึ้งได้อีกด้วย ข้อเขียนและตัวอย่างในหนังสือโหราศาสตร์เรื่อง Love Signs ของ Linda Goodman ดูเหมือนจะอธิบายแนวคิดในประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้เขียนขอยกเนื้อหาบางส่วนในหนังสือดังกล่าวมาเป็นตัวอย่างดังนี้
6. 1 ราศีเมษกับราศีสิงห์
ผู้ชายราศีเมษ ธาตุไฟ ต้นธาตุ ผู้หญิงราศีสิงห์ ธาตุไฟ กลางธาตุ สัมพันธภาพ ตรีโกณร่วมธาตุ
คู่นี้ตามจักราศีสมพงศ์ถือว่าเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดีที่สุดคู่หนึ่ง เพราะเป็นตรีโกณร่วมธาตุไฟ และสัมพันธภาพตรีโกณนั้นถือเป็นตำแหน่งสัมพันธ์ทองของโบราณที่เชื่อว่าให้ผลดีที่สุดในการสมพงศ์ดวงชะตาอีกด้วย ดังนั้นถ้าโครงสร้างอื่นไม่เสียมากแล้ว โอกาสที่ทั้งสองคนจะประสบความสำเร็จในความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจึงสูงมาก ลินดา กู๊ดแมน สรุปภาพความสัมพันธ์ในอุดมคติระหว่างทั้งสองไว้ดังนี้ (จำเป็นต้องคงเนื้อหาต้นฉบับภาษาอังกฤษไว้อีกเช่นกัน ด้วยเหตุผลเดิมคือผู้เขียนเกรงว่าจะไม่สามารถถ่ายทอดความชัดเจนและความไพเราะของเนื้อหาต้นฉบับออกมาเป็นคำแปลภาษาไทยได้)
Love is a benediction to Aries and Leo because of what they see when they look deeply into each other’s eyes. He sees a woman vulnerable enough to need his wisdom, yet independent enough to challenge and stimulate him. She sees a man gentle enough to treat her tenderly, yet strong enough to protect and conquer her. And they both see…. Something else they can not define accompanied by the music of memory. Between Aries and Leo, the chemistry is right. The moment they touch, then together make a wish on Venus in the morning sky, whole waiting galaxies of stars are watching in wondrous joy, and making a wish on them….. in anticipation that the long ago prophecies of Peace promised to the world…. “when the lamb shall lie down to the Lion”.
ความรักเป็นพรจากพระเจ้าที่มอบให้แก่คู่รักชาวราศีเมษและราศีสิงห์ เพราะเมื่อเขาทั้งสองจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาจะมองเห็นผู้หญิงที่อ่อนไหวและต้องการความรอบรู้ของเขา แต่ก็มีความเป็นตัวของตัวเองพอที่จะท้าทายและกระตุ้นยั่วเย้าเขา ส่วนเธอจะมองเห็นผู้ชายที่สุภาพพอที่จะปฏิบัติต่อเธออย่างนุ่มนวล แต่ก็แข็งแกร่งพอที่ปกป้องและเอาชนะเธอได้ และเขาทั้งสองยังเห็นอะไรบางอย่างอีกที่พวกเขาอธิบายไม่ถูก ที่ดูเหมือนจะมาพร้อมกับบทเพลงในความทรงจำ ระหว่างราศีเมษกับราศีสิงห์นั้นส่วนผสมทางเคมีของชีวิตเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ ในช่วงเวลาที่พวกเขาสัมผัสกัน ความรักจะบังเกิดขึ้น สดชื่นแจ่มใส และงดงามเช่นดาวศุกร์ที่จะเพ็ญในตอนรุ่งอรุณ ดวงดาวทั้งหลายในจักรวาลจะพร้อมใจกันมองดูพวกเขาอย่างมีความสุข พร้อมกับร่วมอธิษฐานด้วยความหวังในตัวพวกเขาทั้งสอง ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ตามคำทำนายอันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ ที่พยากรณ์ว่าโลกจะพบกับสินติสุขนิรันดร เมื่อแกะสามารถอยู่ร่วมเคียงข้างได้กับสิงห์โตอย่างสันติ
6.2 ราศีสิงห์กับราศีพฤศภ
ผู้ชายราศีสิงห์ ธาตุไฟ กลางธาตุ ผู้หญิงราศีพฤศภ ธาตุดิน กลางธาตุ
สัมพันธภาพ ราศีธาตุคู่ศัตรู สถานะ จตุโกณ ขัดแย้งอย่างรุนแรง
คู่นี้นอกจากจะเป็นปรปักษ์ธาตุกันแล้ว ยังเป็น 4-10 กันอีก ซึ่งเป็นทัศนะสัมพันธ์ 90 องศาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในการพิจารณาสมพงศ์ดวงชะตาอีกด้วย โอกาสเข้ากันได้มีน้อย ต้องอาศัยความพยายามของแต่ละฝายในการปรับตัวเข้าหากันมาก หากปราศจากโครงสร้างอื่นช่วยสนับสนุนแล้ว โอกาสที่จะมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและเปี่ยมสุขระหว่างกันมีน้อย ในกรณีที่ทั้งสองสามารถเอาชนะอุปสรรคจากโทษของจักราศีสมพงศ์ได้ ลินดา กู้ดแมน สรุปภาพความสัมพันธ์ในอุดมคติ ระหว่างคนทั้งสองไว้ดังนี้
The Lion will stand bravely against an army, to defend what he believes in his heart is right and true --- just as he ‘ll fight any force that threatens to harm the woman he loves, however uneven the battle may seem, even when the odds seem to be hopelessly against him. Whatever kind of pain she feels, whether it’s physical or emotional, her pain is Leo’s sworn enemy --- something he must defeat, to prove his worth to his lady. Very much like the Knights who fought for King Arthur. Except that Leo is both Knight and King.
No matter how many obstacles this man and woman face in achieving emotional harmony together, they’ll stand by each other, against the whole world, if necessary. When fate brings sorrow or tragedy, neither of them will fail the test of loyalty. And that can be love’s most enduring song – with or without the background music.
ผู้ชายราศีสิงห์กล้าที่จะเข้าไปยืนต้านกองทัพได้ทั้งกองทัพ เพื่อปกป้องสิ่งทีเขาเชื่อมั่นในหัวใจว่าถูกต้องและชอบธรรม เช่นเดียวกับที่เขาจะต่อสู้ขัดขวางพลังอำนาจใดๆก็ตามที่มาขู่เข็ญคุกคามผู้หญิงที่เขารัก แม้จะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม ความทุกข์ ทรมาน ความเจ็บปวดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจของเธอ เป็นศัตรูที่ผู้ชายราศีสิงห์จะต้องต่อสู้เอาชนะให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเขามีคุณค่าต่อผู้หญิงที่เขารัก เช่นเดียวกับบรรดาอัศวินโต๊ะกลมที่ต่อสู้เพื่อพระเจ้าอาเธอร์ ต่างกันแต่เพียงว่าผู้ชายราศีสิงห์นั้นเป็นทั้งอัศวินและกษัตริย์
ไม่ว่าจะพบกับอุปสรรค ความยากลำบากเพียงใด ในการที่ชายหญิงทั้งสองราศีนี้จะต้องเผชิญในการที่ต้องพยายามปรับตนเองเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข พวกเขาก็ยังพร้อมจะยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กันต่อสู้กับอุปสรรคศัตรูภายนอกทั้งปวง ถ้าจำเป็นแม้แต่จะต้องต่อสู้กับคนทั้งโลกก็ตาม เมื่อชะตากรรมนำความเศร้าสลด หรือโศกนาฏกรรมมาสู่ชีวิต เขาทั้งสองจะไม่มีวันเพลี่ยงพล้ำในเรื่องความซื่อสัตย์ที่มีต่อกันเลย และนี่น่าจะเป็นเพลงรักที่ไพเราะและเป็นอมตะที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีเสียงดนตรีประกอบ
By: ชาญชัย เดชะเสฏฐดี
----------
ขอ ขอบคุณ ท่านผู้เขียนบทความที่ให้ความกรุณาแก่เว็บไซต์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ และผมขอจำกัดความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเว็บ เท่าที่กฎหมายและกติกาสังคมกำหนด ท่านที่ประสงค์จะร่วมเขียนบทความเช่นนี้ โปรดติดต่อ webmaster@rojn-info.com
|
