สามเล่มราเมศใช้  ชำนาญ
แม่ก็สามศรชาญ  เช่นท้าว
สามศรพระหากผลาญ  มารมอด  ม้วยฤา
ศรแม่ฟาดทรวงร้าว  พี่ดิ้นโดยสมร

ศรรูปศรเนตร   ทั้งศรเสียง
ศรละศรแม่เอียง  อาตม์แย้ง
ยิงทีละเพียง   ฟ้าฟาด  สายฤา
อกแผ่นดินฟ้าแล้ง  พี่คร้ามฟ้าครวญ

        นิราศเขาดิน

1. บทนำ

ความงามของสตรีเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากเรื่องหนึ่ง ในบรรดาเรื่องราวต่างๆในโลก ตั้งแต่ระดับประเทศลงมาจนถึงระดับปัจเจกบุคคล  เราจึงได้ยินได้เห็นเรื่องราวต่างๆรอบตัวเราเกือบทุกวัน ที่เกี่ยวข้องกับความงามของสตรีเช่น ข่าวการประกวดนางงามจักรวาล  ข่าวนางสาวไทย เทพีสงกรานต์ การประกวดสุดยอดนางแบบ เรื่องราวของดารานางเอกหนังคนดัง พาดหัวข่าวแชมป์สาวเซ็กซี่ที่สุด 3 ปีซ้อน นางงามยาสระผม และแม้ในแวดวงการศึกษาระดับอุดมศึกษาก็ยังมีตำแหน่ง ดาวมหาวิทยาลัย กันเกือบทุกสถาบัน ฯลฯ

ความงามของสตรี ไม่เพียงเป็นเรื่องสำคัญที่ได้รับความสนใจในสังคมทุกระดับเท่านั้น  ความงามของสตรียังมีฤทธิ์อานุภาพร้ายกาจไม่แพ้อาวุธใดๆในโลก สามารถทำให้ผู้ชายต้องมีอันเป็นไปในสภาพพิกลพิการต่างๆได้มากมาย เทียบได้กับศรทั้งสามเล่มของพระรามที่มีอานุภาพปราบได้ทั้งสามโลก ดังเนื้อความในบทกลอนที่นำมาลงประกอบหัวข้อในบทความนี้  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดตัวอย่างหนึ่งว่าความงามของสตรีมีฤทธิ์อานุภาพเพียงใด ก็คือเรื่องราวของ “คลีโอพัตรา” นางพญาแห่งอียิปต์โบราณ ที่ความงามของพระนางสามารถสยบวีรบุรุษยอดนักรบผู้เกรียงไกร 2 คน ที่สามารถทำสงครามปราบผู้คนมาแล้วค่อนโลก “จูเลียส ซีซ่าร์” และ “มาร์ค แอนโทนี่” ให้ยอมคุกเข่าลงต่อหน้านาง และทำให้อาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น ต้องแตกออกเป็นสองเสี่ยง เกิดเป็นสงครามใหญ่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ที่คนโรมันกับคนโรมันต้องเข่นฆ่ากันเองจนเลือดนองแผ่นดิน บาดเจ็บล้มตายกันไปมากมาย

2. ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์

ก่อนจะพูดถึงโครงสร้างต่างๆทางโหราศาสตร์ ที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการชี้บอกความงามของสตรีจากดวงชะตานั้น  ผู้เขียนคิดว่าน่าจะมาดูเรื่องราวของ “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” กันก่อน เพื่อเป็นการสร้างจินตนาการให้สอดคล้องกับเนื้อหาทางโหราศาสตร์ที่จะกล่าวถึงกันต่อไป ผู้เขียนเชื่อว่าความงามของสตรีนั้นน่าจะเป็นสากล ไม่เกี่ยวข้องหรือมีข้อจำกัดเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภาษา หรือเชื้อชาติ ฯลฯ สตรีงามย่อมต้องยอมรับกันว่างาม และสามารถชี้วัดได้ด้วยหลักเกณฑ์ที่เป็นสากล ซึ่งหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ที่ว่าด้วยโครงสร้างของดวงดาวบนท้องฟ้า ย่อมเป็นหลักเกณฑ์ที่เป็นสากลที่สุดหลักเกณฑ์หนึ่ง อย่างไรก็ตามมีเว็บไซ้ท์ที่พูดถึง “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” เป็นร้อยเป็นพันเว็บ จัดแยกประเภทเป็นช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ ยุดปฏิวัติอุตสาหกรรม  ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1, ยุคมิลเลเนี่ยม,ฯลฯ แล้วยังแบ่งเป็น ดาราภาพยนตร์  นางแบบ   ผู้หญิงผิวขาว  ผู้หญิงเอเชีย  ผู้หญิงผิวสี ฯลฯ   ที่สำคัญคือมีโพลมากมาย  ผลสำรวจของแต่ละโพลก็แตกต่างกันไป มีรายชื่อผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกที่อาจนับจำนวนได้เป็นร้อยๆชื่อ  จนไม่รู้ว่าจะนำชื่อไหนบ้างมาคุยกันดี

 “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์” จึงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์มีมติเป็นข้อสรุปว่า ใครสวยที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอนชัดเจน และมีจำนวนผู้หญิงที่ประวัติศาสตร์บอกว่าสวยที่สุดเพียงไม่กี่คน ประวัติศาสตร์ฝรั่งโดยทั่วไปบอกว่ามี 3 คน คือ เนเฟอร์ตีติแห่งอียิปต์โบราณ, เฮเลนแห่งทรอย, และฟาโรห์คลีโอพัตรา ส่วนประวัติศาสตร์จีนบอกว่ามี 4 คน คือ ไซซี, เตียวเสี้ยน, หวังเจาจุน, และ หยางกุ้ยเฟย ซึ่งเป็นชื่อที่พวกเรามักจะได้ยินได้ฟังกันคุ้นๆหูอยู่แล้ว โดยบทความนี้จะกล่าวถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ตะวันตก (ฝรั่ง) ส่วนของไทยเราไม่ปรากฏว่าประวัติศาสตร์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ จึงจะกล่าวถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในวรรณคดีแทน

2.1 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ตะวันตก

ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่ง 3 นาง คือ ราชินีเนเฟอร์ตีติ แห่งอียิปต์โบราณ เฮเลน แห่ง ทรอย และนางพญาคลีโอพัตรา ฟาโรห์องค์สุดท้ายของอียิปต์ สองนางแรกคือเนเฟอร์ตีติ และเฮเลนแห่งทรอย ดูเหมือนว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ว่าสวยที่สุดในประวัติศาสตร์   ส่วนคลีโอพัตรานั้นมีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง

(1) เนเฟอร์ตีติ ( Nefertiti:อียิปต์ 1400 ปีก่อนคริสตกาล)

รูปปั้นของเนเฟอร์ตีติที่ค้นพบในโบราณสถานของอียิปต์

 

เนเฟอร์ตีติเป็นราชินีของอียิปต์โบราณเมื่อประมาณ 3400 ปีก่อน ชื่อเนเฟอร์ตีติแปลว่า “สวยราวหยาดฟ้ามาสู่ดิน” กล่าวกันว่าพระนางเป็นราชินีที่ปรีชาสามารถมาก จากสมัยเดิมที่อียิปต์นับถือเทพเจ้าหลายองค์ ซึ่งทำให้นักบวชมีอำนาจจนถึงขนาดเข้าแทรกแซงราชสำนักได้ พระนางเป็นแรงผลักดันและเป็นกำลังใจที่สำคัญให้กับฟาโรห์อัคคานาเตนซึ่งเป็นพระสวามี ในการเปลี่ยนอียิปต์ให้มานับถือเทพเจ้าองค์เดียว ย้ายเมืองหลวงใหม่ เนรเทศนักบวชเก่าออกไป และสร้างวิหารของศาสนาใหม่ด้วย

อย่างไรก็ตามจุดจบของพระนางและพระสวามีนั้นไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด บ้างก็สันนิษฐานว่าพระนางสิ้นพระชนม์ก่อนพระสวามี บ้างก็ว่าพระนางคือฟาโรห์ที่ปกครองอียิปต์สืบต่อมาจากพระสวามีแต่ไม่เปิดเผยให้ใครทราบ (ว่าเป็นผู้หญิง) ฯลฯ ทราบแต่ว่าในช่วงปลายรัชกาล ฟาโรห์อัคคานาเตน พระสวามีประพฤติตัวเหลวไหล ไม่สนใจศาสนา และไม่สนใจกิจการบ้านเมือง  ราษฎรได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว จนกระทั่งบ้านเมืองอ่อนแอลงตามลำดับ บรรดาเมืองขึ้นพากันตั้งตัวเป็นกบฏ และยังถูกโจมตีจากอาณาจักรเพื่อนบ้านอีกด้วย รูปปั้นที่แสดงในภาพเป็นรูปปั้นที่พบในซากโบราณสถานในอียิปต์  ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งอีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้นักประวัติศาสตร์ไม่เคยลังเลเลยที่จะบอกว่า เนเฟอร์ตีติเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์

(เชิญอ่านบทความของคุณชาญชัยเกี่ยวกับเนเฟอร์ตีติเพิ่มเติมได้ที่นี่ > สารคดี Nefertiti and the Lost Dynasty: เนเฟอตีติ อมตะราชินี จาก NATIONAL GEOGRAPHIC )

(2) เฮเลน แห่ง ทรอย   (Helen of Troy, 1100 ปีก่อนคริสตกาล)

 

Diane Kruger แสดงเป็น Helen of Troy ในภาพยนตร์เรื่อง TROY

เฮเลนแห่งทรอยเป็นนางเอกในมหากาพย์อีเลียตของกรีก ที่ประพันธ์โดย “โฮเมอร์” กวีเอกของโลก มหากาพย์นี้เป็นเรื่องราวของสงครามใหญ่ระหว่างพันธมิตรนครรัฐต่างๆของกรีกที่รวมตัวกัน เข้าทำสงครามกับกรุงทรอยเพื่อชิงตัวเฮเลน  รบกันนานร่วม 10 ปี จนกระทั่งกรุงทรอยแตกด้วยกลศึกม้าโทรจัน  อย่างที่กล่าวไว้ในภาพยนต์เรื่อง “ทรอย” ว่า “เฮเลนแห่งทรอยสวยที่สุดในโลก” ซึ่งตำนานฝรั่งบอกว่าความสวยของเฮเลนนั้นสวยจนขนาดว่านางฟ้ายังต้องอิจฉา อีกชื่อหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ใช้กล่าวถึงเฮเลนคือ เฮเลน:ความงามที่เคลื่อนทัพเรือพันลำ (Helen: The face that launched a thousand ships) เพราะพันธมิตรนครรัฐกรีก ส่งกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดที่โลกเคยเห็นมาในยุคนั้นจำนวนถึง 1,000 ลำเข้าโจมตีกรุงทรอยเพื่อชิงตัวนาง  นักประวัติศาสตร์ไม่เคยลังเลเลยที่จะบอกว่า เฮเลนแห่งทรอยเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ 

เฮเลนมักจะถูกมองตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมาว่า “เป็นผู้หญิงประเภทที่ผู้หญิงทุกคนควรจะเกลียดแต่ก็อิจฉา และผู้ชายทุกคนควรกลัวแต่ก็อยากได้” แน่นอนเสน่หานุภาพของเธอที่มีต่อผู้ชายนั้นมีอานุภาพยิ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ดี ประโยค คำพูด และการกระทำของเธอที่ปรากฏในมหากาพย์ส่วนใหญ่ล้วนบอกว่า เธอไม่ได้เต็มใจด้วยกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอจำเป็นต้องทำ เธอรู้สึกเสียใจมากกับความทุกข์และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับผู้คนจำนวนมาก อันมีสาเหตุมาจากตัวเธอ การร้องไห้คร่ำครวญอยากตายของเธอ ไม่ใช่ลักษณะของผู้หญิงเจ้ามารยาที่ใช้เสน่ห์ความงามเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ให้ตัวเอง และที่สำคัญคือ เธอไม่เหมือนผู้หญิงสวยคนอื่นๆส่วนมากที่กล่าวถึงในวรรณกรรมต่างๆ  เพราะเธอไม่เคยใช้เสน่ห์และความงามที่มีเพื่อแสวงหาอำนาจ หรือทรัพย์สินใดเพื่อตัวเอง ตรงกันข้าม เธอสมควรจะได้รับความเมตตาเห็นใจ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องตกเป็นเหยื่อและได้รับความทุกข์ทรมานจากภัยพิบัติของสงครามต่างหาก

(3) คลีโอพัตรา   (Cleopatra, อียิปต์  50 ปี ก่อนคริสตกาล)

 

Elizabeth Taylor แสดงเป็น Cleopatra  ในภาพยนตร์เรื่อง CLEOPATRA     ต่อมา Elizabeth Taylor เองก็ได้รับเลือกจากโพลสำนักต่างๆทั่วโลกว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกในยุคนั้น

คลีโอพัตรานอกจากจะได้รับการกล่าวขานถึงว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ยังได้รับการยอมรับอีกว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดปราดเปรื่อง เชี่ยวชาญในวิชาการแขนงคณิตศาสตร์ รัฐศาสตร์การปกครอง ศิลปะศาสตร์ และยังเชี่ยวชาญภาษาศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม  สามารถพูดได้ ๖ ภาษารวมถึง พูดภาษาอียิปต์โบราณได้คล่องแคล่วอีกด้วย  ตลอดเวลา 22 ปีที่ครองราชย์นางได้แต่งกลอนไว้มากมาย และให้การสนับสนุนศิลปกรรมสาขาต่างๆ  เป็นผู้ให้การอุปถัมภ์และพื้นฟูหอสมุดอเล็กซานเดรีย หอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ถูกไฟไหม้ไป ในระหว่างสงครามแย่งชิงอำนาจกันเองระหว่างขุนศึกโรมัน “จูเลียส ซีซ่าร์” กับ “ปอมเปอี” ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

คลีโอพัตรามักถูกมองว่าเป็นผู้หญิงเจ้ามารยา ไม่มีความจริงใจ  และโหดร้าย  ใช้ความงามและเสน่ห์ที่มีเพื่อให้ได้มาซึ่งลาภยศและอำนาจ ฯลฯ จนมีคนตั้งฉายาให้นางว่า “อสรพิษแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์” แม้แต่ในเรื่องความสวยงามของนางซึ่งเป็นที่ประจักษ์และเล่าขานกันสืบมานับพันๆปีก็ยังไม่วายจะถูกบางคนหาเหตุผลมาลบล้าง ให้เธอกลายเป็นผู้หญิงขี้เหร่ ที่เพียงมีเสียงไพเราะ ร่างกายที่เย้ายวน และเล่ห์เหลี่ยมมารยาเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าไม่เป็นธรรมต่อนางเลย ในเรื่องความงามของคลีโอพัตรานั้น คนที่ค้านอ้างเงินเหรียญโบราณที่ค้นพบว่า บนเหรียญนั้นแสดงรูปผู้หญิงจมูกงองุ้มใบหน้าเหมือนผู้ชาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่รูปผู้คนในสมัยนั้น จะแสดงออกมาในลักษณะของรูปสัญลักษณ์ไม่ใช่รูปเหมือนแบบรูปถ่ายสมัยนี้ และจะเห็นได้ว่ารูปของมาร์ค แอนโทนี่ก็แสดงในแนวสัญลักษณ์เช่นเดียวกัน และถ้าไปดูรูปบุคคลอื่นๆในยุคนั้นก็จะออกมาในลักษณะนี้ทั้งสิ้นแม้แต่รูปเทพธิดา นางฟ้าที่ว่าสวยนักสวยหนา ก็จะเป็นเพียงภาพเขียนที่แสดงเป็นรูปสัญลักษณ์และไม่ได้สะสวยแต่อย่างใด ส่วนการที่ว่านางไม่มีความจริงใจ และมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายนั้น   ควรต้องทราบสถานะทางการเมืองในขณะนั้นด้วยว่า อาณาจักรโรมันกำลังขยายคืบเข้ามาเพื่อเขมือบอียิปต์เหมือนสิงโตขย้ำลูกแกะ คลีโอพัตราจำเป็นต้องทำทุกอย่าง เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้ไห้ได้

เหรียญเงินในสมัยคลีโอพัตราที่มีรูปคลีโอพัตราและมาร์ค แอนโทนี่อยู่บนเหรียญ

 ในการพบกันครั้งแรกระหว่างคลีโอพัตรากับจูเลียส ซีซ่าร์นั้น นางให้คนรับใช้นำของขวัญจากนางไปมอบให้กับซีซาร์  โดยของขวัญนั้นคือตัวนางเองที่ห่อไว้ในพรม เมื่อซีซ่าร์คลายแผ่นพรมออก จึงได้พบคลีโอพัตราม้วนตัวออกมา ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าซีซ่าร์ตกตะลึงในความงดงามของนางจนทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก และได้ร่วมหลับนอนกับนางในคืนแรกที่ได้พบกันนั้นเอง ส่วนการพบกับมาร์ค แอนโทนี่นั้น ความจริงหลังจากที่จูเลียสซีซาร์เสียชีวิตแล้วนั้น มาร์ค แอนโทนี่ได้รับมอบหน้าที่จากโรม ให้นำกองทัพใหญ่เข้ามาโจมตียึดครองอียิปต์เป็นเมืองขึ้น คลีโอพัตราไม่เห็นหนทางใดจะต้านทานแสนยานุภาพกองทัพของแอนโทนี่ได้เลย นอกจากจะใช้ความงามและเสน่หานุภาพของตัวเอง คลีโอพัตราเดินทางโดยเรือสำราญที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ออกทะเลมาดักพบกับกองทัพของแอนโทนี่ในระหว่างทาง ตัวคลีโอพัตราเองแต่งตัวด้วยชุดของเทพเจ้าวีนัสซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ครั้งแรกที่ได้พบคลีโอพัตรา มาร์ค แอนโทนี่ก็ตกหลุมรักนางทันที แทนที่จะมายึดครองอียิปต์ แอนโทนี่กลับแต่งงานกับคลีโอพัตราในเวลาต่อมา และปกป้องคุ้มครองอียิปต์จากการรุกรานของโรมจนวาระสุดท้ายของชีวิต ถ้าคลีโอพัตราขี้เหร่อย่างที่มีความพยายามบิดเบือนกันจริงๆแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกสมัยนั้นถึงสองคน ถึงกับต้องยอมคุกเข่าสยบแทบเท้านางในครั้งแรกที่ได้พบกันแบบนี้?  ผู้เขียนเห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ครับว่า คลีโอพัตราเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์  อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ด้อยกว่าทั้งเนฟอร์ตีติ หรือเฮเลนแห่งทรอยเลย

ในเรื่องความรักที่ว่าคลีโอพัตราไม่มีความจริงใจ หลอกใช้ผู้ชายนั้น ผู้เขียนเห็นว่าไม่จริงอีกเหมือนกัน จริงอยู่นางต้องใช้เสน่ห์มารยากับทั้งจูเลียส ซีซ่าร์ และมาร์ค แอนโทนี่ แต่ก็ด้วยเหตุผลความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ ประจักษ์พยานที่ชี้ให้เห็นความจริงใจของนางต่อคนรักและความรักก็คือ เรื่องราวความรักระหว่างนางกับมาร์ค แอนโทนี่ ได้กลายเป็นตำนานรักอมตะที่เล่าขานสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัยว่าเป็นรักแท้ที่ซาบซึ้งตรึงใจ และยิ่งใหญ่ที่สุดอีกคู่หนึ่งที่โลกเคยมีมา ความรักระหว่างคลีโอพัตรากับมาร์ค แอนโทนี่ ได้ถูกนำมาเป็นคติสอนใจผู้หญิงว่าถ้าจะดูว่าผู้ชายคนไหนรักเธอจริง ให้ดูการกระทำที่มาร์ค แอนโทนี่ทำให้กับคลีโอพัตราเป็นตัวอย่าง จูเลียส ซีซาร์นั้นแม้จะหลงใหลในความงามของคลีโอพัตรา แต่ก็ยังครองสติปัญญาไว้ได้ นางใช้ซีซาร์ในการปกป้องอียิปต์  แต่ซีซาร์ก็ใช้นางและอียิปต์ในการเสริมความมั่นคงแข็งแกร่งของโรมและกอบโกยเอาทรัพย์สมบัติจากอียิปต์ไปให้โรม โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อจากการทำสงคราม ซีซาร์ไม่เคยได้รับผลเสียอะไรกับตัวเองและโรมจากการข้องเกี่ยวกับคลีโอพัตรา ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นยอดนิยมที่เร็ค แฮริสัน แสดงเป็นจูเลียส ซีซาร์ และเอลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์แสดงเป็นคลีโอพัตรา จะได้เห็นฉากที่แสดงถึงความรู้สึกที่ซีซาร์ที่มีต่อคลีโอพัตราได้อย่างชัดเจน ในตอนที่ซีซ่าร์กำลังอยู่ในระยะข้าวใหม่ปลามันกับคลีโอพัตรานั้น พอทหารเข้ามาบอกว่ากองทัพข้าศึกเข้ามาใกล้ตัวเมืองแล้ว ทั้งๆที่กำลังนอนกอดแสดงบทรักอย่างดูดดื่มกับคลีโอพัตราอยู่ ซีซาร์ผละจากคลีโอพัตราไปบัญชาการรบทันที โดยไม่มีจังหวะติดพันหรือจังหวะคิดเพื่อตัดสินใจเลย สำหรับซีซาร์แล้วความรู้สึกที่มีต่อคลีโอพัตรา เป็นเพียงความหลงใหลในรูปโฉมความงาม ที่ควบคุมไว้ภายใต้สติปัญญา และคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนที่จะได้รับเป็นสำคัญ  ซึ่งไม่ใช่ความรักอย่างแน่นอน ในขณะที่มาร์ค แอนโทนี่นั้นรักคลีโอพัตราอย่างแท้จริง ด้วย กาย ใจ และวิญญาณ แอนโทนี่ยอมเสียสละทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่ง ศักดิ์ศรี เกียรติยศ รวมถึงความเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของชาวโรมันด้วย และในที่สุดเขาก็ยอมเสียสละแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องคลีโอพัตราและอียิปต์ ลองคิดถึงความอัปยศอดสู และความสิ้นท่าของแอนโทนี่ที่เขาได้รับ จากการปกป้องผู้หญิงที่เขารักในในยุทธนาวีที่สมรภูมิแอคติอุมว่าเศร้าสลดเพียงใด  ในขณะที่กองเรือของแอนโทนี่หลงกลตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของกองเรือฝ่ายออกัสตัส ซีซาร์นั้น  ที่ปรึกษาของคลีโอพัตราพากันแนะนำให้นางนำเรือหนีไปเสีย เพราะถึงอย่างไรแอนโทนีคงไม่รอดชีวิตกลับมาแน่นอนแล้ว  ในขณะที่แอนโทนี่กำลังประดาบในสนามรบอยู่นั้น  เมื่อเห็นเรือของคลีโอพัตรากำลังหันหัวเรือกลับไป แอนโทนี่ถึงกลับทอดทิ้งเพื่อนทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่ หลบหนีเอาตัวรอดคนเดียวเพื่อติดตามคลีโอพัตราไป พฤติการณ์ของแอนโทนี่ครั้งนี้เป็นสาเหตุทำให้ทหารในกองทัพส่วนอื่นของเขา รวมทั้งกองทัพเรือที่เหลืออยู่ และกองพลทหารม้าคู่ใจของแอนโทนี่หมดสิ้นศรัทธา ดูหมิ่นเหยียดหยามเขา และพากันหนีทัพไปเข้ากับฝ่ายของออกัสตัส ซีซ่าร์เกือบหมด ในที่สุดเมื่อกองทัพโรมันบุกเข้ามาถึงอเล็กซานเดรีย มาร์ค แอนโทนี่ก็ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร้ศักดิ์ศรี จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยดาบของตนเอง คนรับใช้รีบนำร่างของแอนโทนี่ไปหาคลีโอพัตรา ในขณะนั้นแอนโทนี่ยังไม่สิ้นใจ คลีโอพัตรานำร่างของเขาไปวางบนเตียงนอนของเธอ ทุบอกตัวเองพร้อมกับบอกแอนโทนี่ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม มาร์ค แอนโทนี่จะเป็นเจ้านาย เป็นสามี และเป็นกษัตริย์ของเธอไปชั่วกาลนาน แอนโทนี่บอกนางว่าไม่ต้องการให้นางโศกเศร้าเสียใจกับเขา ไม่ต้องการให้นางสงสารเขา ไม่ต้องการให้นางปลอบโยนเขา แต่ขอให้นางจดจำว่าเขาเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ เป็นชายชาติทหารที่เข้มแข็ง  ให้นางจดจำความสุขที่ทั้งสองเคยมีร่วมกัน และสุดท้ายขอให้นางจดจำว่าเขารักนาง แล้วแอนโทนี่ก็สิ้นใจในอ้อมกอดของคลีโอพัตรา  ซึ่งฆ่าตัวตายตามไปด้วยการให้งูพิษกัด คนใช้ได้นำศพคนรักทั้งสองไปฝังไว้ร่วมกันในที่ลับแห่งหนึ่ง ตามคำสั่งเสียของคลีโอพัตรา ซึ่งยังค้นหาไม่พบจนกระทั่งปัจจุบัน

มาร์ค แอนโทนี่ ผู้ชายที่เคยครองอำนาจมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่เวลาตายกลับสูญสิ้นหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งเดียวที่เขาได้รับตอบแทนกลับมาคือ รักแท้จากฟาโรห์องค์สุดท้ายของอียิปต์ที่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์

(เชิญอ่านบทความของคุณชาญชัยเกี่ยวกับคลีโอพัตราเพิ่มเติมได้ที่นี่ > คลีโอพัตรา ตอนที่ 1: ราชินีสาว นางพญาแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ ฟาโรห์องค์สุดท้ายของอิยิปต์ และผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ )

2.2 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในวรรณคดีไทย

ประวัติศาสตร์ไทยกล่าวถึงผู้หญิงสวยไว้น้อยมาก และยิ่งไม่กล่าวถึงการจัดอันดับความสวยว่าผู้หญิงคนไหนสวยที่สุดอีกด้วย จึงจำเป็นต้องกล่าวถึงผู้หญิงสวยในวรรณคดีแทน และโดยที่เรื่องราวของวรรณคดีไทยส่วนใหญ่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ดังนั้นในหัวข้อนี้จะเป็นเพียงการกล่าวถึงชื่อและความงามของของแต่ละนาง ด้วยการยกตัวอย่างจากคำประพันธ์ หรือบทกลอนในวรรณคดีนั้นๆที่บรรยายถึงความงามของแต่ละนาง

 

(1) นางสีดา จากวรรณคดีไทยเรื่อง “รามเกียรติ”

ที่จริงเรื่องราวของนางสีดานี้เทียบกันได้กับ เฮเลน แห่ง ทรอย ของฝรั่งเหมือนกัน เพราะวรรณคดีไทยเรื่อง “รามเกียรติ” มีที่มาจากมหากาพย์ “รามายณะ” ของอินเดีย ซึ่งเป็นการบรรยายถึงสงครามใหญ่ในอดีตยุคดึกดำบรรพ์เช่นกัน และอาจจะเก่าแก่ว่ามหากาพย์ “อีเลียต” ของกรีกเสียอีก เนื้อเรื่องก็คล้ายๆก้นคือเป็นสงครามใหญ่ที่เกิดจากการแย่งชิงผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าจะต้องให้บอกว่าใครเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในวรรณคดีไทยแล้ว คำตอบที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้เลยคือนางสีดาแน่นอนเพราะในเนื้อเรืองก็บอกไว้ชัดๆเองว่า “นางสีดานั้นสวยที่สุดในสามโลก”  สวยแค่ไหนสวยอย่างไร ก็ต้องมาดูตัวอย่างบางบทกลอนในรามเกียรติที่กล่าวถึงความงามของนางสีดาเช่น

เมื่อนางยักษ์สำมนักขาไปเล่าให้ทศกรรฐ์ฟังถึงความงามของนางสีดา

เมื่อนั้น    น้องท้าวผู้มีอัชฌาสัย
ทูลว่าอันหญิงทั้งแดนไตร  ถึงจะงามก็ไม่พร้อมเพรา
ซึ่งจะเอาพี่นางมณโฑเปรียบ เทียมเทียบไกลกันสักพันเท่า
เปรียบขนงแพ้ขนงนงเยาว์  เปรียบทรงศอเล่าก็ไกลกัน
เปรียบปรางสีดาก็น่าชม  เปรียบเนตรคมคมสัน
เปรียบพักตร์ผ่องแผ้วดั่งดวงจันทร์  เปรียบถันดั่งประทุมลออนวล
เปรียบนาสานางงามแสล้ม  เปรียบโอษฐ์เห็นแย้มเป็นที่สรวล
เปรียบทรงแพ้ทรงโดยกระบวน เปรียบนวลแพ้นวลนางสีดา
เปรียบทั้งมารยาทก็แพ้ด้วย ทรวดทรงสวยเป็นที่เสน่หา
เลิศลักษณ์ทรงเบญจกัลยา ทั้งโลกาจะเปรียบก็ไม่มี

เมื่อนั้น     นางสำมนักขายักษี
จึงทูลว่านางสีดานี้    มีศรีเสาวภาคย์จำเริญตา
จะเปรียบพระลักษมีศรีสวัสดิ์  พระสุรัสสวดีเสน่หา
ทั้งโฉมสมเด็จพระอุมา   น้องเห็นดีกว่าทั้งสามองค์
จะจัดงามสามนางประมวลเข้า  ไม่เทียบเท่าสีดานวลหงส์
แม้นใครได้เห็นนางโฉมยง   จะงวยงงหลงลืมสมประดี
มีตาสองตานี่สุดรู้    ที่จะดูสิ้นงามมารศรี
ควรเป็นปิ่นสนมนารี   พระพี่เร่งตรึกตราอย่าช้าวัน

ความงามของนางสีดาในทรรศนะของพระรามเมื่อเข้าเรือนหอ

ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์แก้ว ผ่องแผ้วฤาทัยเกษมศรี
นั่งชิดพิศโฉมนางเทวี  มีศรีเสาวภาคย์จำเริญตา
งามพักตร์ดังดวงศศิธร  งามขนงก่งงอนดั่งเลขา
งามเนตรดั่งเนตรมฤคา  งามนาสิกแสล้มงามกรรณ
งามโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมดั่งจะแย้ม งามเกศงามแก้มงามถัน
งามจริตกิริยาวิลาวัณย์  สารพันพริ้มพร้อมทั้งกายา
ยิ่งพิศยิ่งคิดสวาทกลุ้ม  ให้รุมรึงในความเสน่หา
แสนรักสุดรักวนิดา   จึงมีบัญชาตรัสไป

 (2) วาสิฎฐี จากวรรณคดีไทยเรือง “กามนิตกับวาสิฏฐี”
 

กามนิตกับวาสิฏฐีเป็นวรรณกรรมประเภทนวนิยายอิงพระพุทธศาสนา ที่มีชื่อเสียงมาก ประพันธ์ในปี ค.ศ.1906 โดยคาร์ล อดอล์ฟ เจลเลอร์รป ซึ่งได้รับรางวันโนเบลสาขาวรรณกรรมในปีค.ศ.1917 ฉบับภาษาไทยแปลโดยเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ได้รับการยกย่องให้เป็นหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมยกย่องในเชิงวิชาการว่าสำนวนการแปลไพเราะประทับใจ  และเนื้อหาเปี่ยมไปด้วยคำสอนที่มีคุณค่า และสามารถโน้มน้าวให้ผู้อ่านเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรื่องราวความรักระหว่างกามนิตกับวาสิฏฐีในวรรณกรรมนี้ ยังเป็นที่ประทับใจของคนไทยส่วนใหญ่อีกด้วย ซึ่งอาจไม่ได้น้อยไปกว่าที่ฝรั่งประทับใจในเรื่องราวความรักระหว่างโรเมโอกับจูเลียตเลย

ส่วนว่าความงามของวาสิฏฐีนั้น งามแค่ไหน งามเพียงใด คงจะต้องไปฟังจากปากของกามนิตเอง ที่บรรยายความงามของคนรักให้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟัง ดังนี้ครับ “ ...ครั้นแล้วนางเหล่านั้นก็ถอยออก คงเหลืออยู่กลางรัตนเวทีแต่นางเดียว อยู่กลางรัตนเวที และก็อยู่ในกลางดวงใจของข้าพเจ้า
ดูก่อนท่านมาริสะ ข้าพเจ้าจะกล่าวได้ด้วยถ้อยคำเป็นไฉน? ถ้าจะพูดถึงความงามของนางก็เกรงว่าถ้อยคำของข้าพเจ้าอาจกล้าหาญเกินไปสักหน่อย เพราะถ้าจะกล่าวให้ท่านรู้สึกซึมทราบได้ดั่งหลับตาเห็น ข้าพเจ้าจะต้องเป็นมหากวีภารตเสียก่อน และถึงจะมีความสามารถปานนั้น ท่านก็จะเห็นความงามได้เพียงรางๆเท่านั้น รวมความข้าพเจ้าจะบอกได้เลาๆ ว่าสาวน้อยที่อยู่กลางเวทีมีดวงหน้านวลประหนึ่งแสงจันทร์อ่อนๆ รูปทรงอรชรหาตำหนิมิได้ ทรงทรามวัยอยู่ทั่วสรรพางค์ จนทำให้ข้าพเจ้าเผลอสติ คิดว่านางคือพระลักษมีเทวีอวตารมา บังเกิดความยินดีซาบซ่านทันทีที่ได้เห็น....

(3) นางบุษบา จากวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนา

อิเหนาเป็น วรรณคดีเก่าแก่เรื่องหนึ่งของไทย เป็นที่รู้จักกันมานาน เข้าใจว่าน่าจะเป็นช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยได้ผ่านมาจากหญิงเชลยปัตตานี ที่เป็นข้าหลวงรับใช้พระราชธิดาของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ (ครองราชย์ พ.ศ. 2275 – 2301) โดยเล่าถวายเจ้าฟ้ากุณฑล และเจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชธิดา จากนั้นพระราชธิดาทั้งสองได้ทรงแต่งเรื่องขึ้นมาองค์ละเรื่อง เรียกว่าอิเหนาเล็ก (อิเหนา) และอิเหนาใหญ่ (ดาหลัง) นางเอกของเรื่องคือนางบุษบาเป็นธิดาของท้าวดาหากับประไหมสุหรี มีอนุชาร่วมบิดามารดาชื่อสียะตรา มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับอิเหนาในฐานะญาติสนิท นางเป็นคู่หมั้นของอิเหนามาตั้งแต่เล็กๆ แต่อิเหนาปฏิเสธนางตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้ากันทำนองเดียวกับละครยอดฮิตเรื่องละอองดาวที่แต่งโดยพนมเทียนยังไงยังงั้น เพียงแต่สภาพแวดล้อมต่างเวลากันเป็นพันปีเท่านั้น ส่วนว่านางบุษบาเธอสวยแค่ไหนนั้นก็คงต้องให้อิเหนาเป็นคนบอกเองอีกละครับ ตามบทกลอนต่อไปนี้ซึ่งเป็นความงามของนางบุษบาในชุดอาบน้ำที่อิเหนาไปพบเข้า

พักตร์น้องลออนวลปลั่งเปล่ง ดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์  ดังกินรีลงสรงคงคาไลย
งามจริงพริ้งพร้อมทั้งสรรพางค์ ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน
พิศพลางปดิพัทธกำหนัดใน จะใคร่ไปโอบอุ้มองค์มา
ดูเดินดังดำเนิรเหมราช  งามประหลาดเลิศล้ำเลขา
พิศไหนให้เพลินจำเริญตา  พระราชาชมพลางถอนใจ
ทั้งสังคามารดาก็พิศวง  พระพี่เลี้ยงงวยงงหลงใหล
มิได้ว่าขานประการใด  ตั้งตาดูไปไม่พริบตา

3. โครงสร้างทางโหราศาสตร์ที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการชี้บอกความงามของสตรีจากดวงชะตา

หลังจากที่ไปเที่ยวชมความงามของผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่ง  และนางในวรรณคดีของไทยเรามาพักใหญ่แล้ว ก็คงต้องถึงเวลาที่จะมาพิจารณาเรื่องราวสำคัญที่เป็นหัวใจของบทความนี้ นั่นก็คือในวิชาโหราศาสตร์นั้นใช้หลักเกณฑ์อะไรในการชี้บอกความงามของสตรีจากดวงชะตา ความงามของเฮเลนแห่งทรอย  ความงามของนางสีดา ฯลฯ แสดงออกในดวงชะตาของแต่ละนางด้วยโครงสร้างอะไร อย่างไร? ผู้เขียนอ่านเจอที่คุณโรจน์เขียนตอบกระทู้เมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับการที่คนที่เข้าเว็บนี้มักจะไม่ค่อยไปเว็บประวัติศาสตร์ของคุณโรจน์เลย  และคนในเว็บประวัติศาสตร์ก็มักจะไม่มาเข้าเว็บโหราศาสตร์เหมือนกัน จากการพยายามค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อมาเขียนบทความนี้ ผู้เขียนก็พบท่วงทำนองพฤติกรรมคล้ายๆกันแบบนี้เหมือนกัน คือเว็บที่พูดถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์มีจำนวนค่อนข้างมาก  แต่ละเว็บให้ข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละนางเยอะแยะไปหมดแทบจะทุกแง่ทุกมุม  แต่ปรากฏว่าผู้เขียนหาไม่เจอเลยสักเว็บเดียว ที่ให้ข้อมูลดวงชะตาหรือพูดถึงเรื่องราวทางโหราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น  ทั้งๆที่จริงๆแล้ววิชาโหราศาสตร์ทั้งตะวันออกและตะวันตกก็เกิดขึ้นมานานแล้ว เคียงคู่มากับประวัติศาสตร์นั่นแหละ  ครั้นไปดูเว็บโหราศาสตร์บ้างก็ยังหาไม่เจอเหมือนกัน ว่ามีเว็บไหนที่ให้ข้อมูลดวงชะตาผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ (เพื่อจะได้นำมาวิเคราะห์เป็นกรณีตัวอย่างในบทความชุดนี้) ดังนั้นคงจะต้องสรุปในขั้นนี้ก่อนว่า นักประวัติศาสตร์มักไม่สนใจโหราศาสตร์ เช่นเดียวกับที่นักโหราศาสตร์เองก็มักจะไม่สนใจประวิติศาสตร์เช่นกัน!

โดยสามัญสำนึกผู้เขียนคิดว่าเรื่องความงามของสตรี น่าจะเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากนักโหราศาสตร์มากเรื่องหนึ่งเช่นกัน ในเว็บของคุณโรจน์ก็เคยมีสองสามกระทู้ถามเรื่องนี้มา ซึ่งผู้เขียนเคยเขียนตอบไปตามความรู้ที่เคยได้ศึกษาและได้ยินได้ฟังมาบ้างแต่พอคิดจะลงมือเขียนบทความเรื่องนี้จริงๆจังๆ และค้นคว้าหาข้อมูลในตำรับตำราที่มีอยู่ กลับต้องประหลาดใจที่เนื้อหาในตำราโหราศาสตร์ต่างๆ ที่มีอยู่พูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก มีเพียงบางตำราเท่านั้นซึ่งเป็นตำราโหราศาสตร์ตะวันออก (นิรายนะ) ของไทย ส่วนตำราโหราศาสตร์ของฝรั่งนั้นเกือบไม่มีพูดถึงเลย! และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเข้าไปค้นหาความรู้เพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ท  เพราะเกือบไม่พบเนื้อหาใดๆเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ ที่ใช้ในการตัดสินความงามของสตรีจากดวงชะตาเลยอีกเช่นกัน  ในขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับ “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก (The most beautiful women in the world)” มีท่วมเว็บจนอาจนับได้เป็นพันๆเว็บ!

เนื้อหาที่ได้มาส่วนใหญ่จึงได้มาจากตำรา และบทความเก่าๆของอาจารย์พันเอกประจวบ วัชรปาณ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และอาจารย์ปรเมศวร์ วัชรปาณ ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมและลึกซึ้งในเชิงวิชาการทางนิรายะนะ ส่วนทางโหราศาสตร์สากลนั้นแทบจะหาไม่เจออะไรเลย นอกจากโครงสร้างในสูตรพระเคราะห์สนธิ ที่อาจารย์ประยูรฯท่านเคยนำมาใช้ในการพิจารณาความงามของสตรี และปรากฏอยู่ในเอกสารคำสอนของท่าน โดยที่เนื้อหาในส่วนโหราศาสตร์สากล มีน้อยมากเมื่อเทียบกับเนื้อหาในโหราศาสตร์ตะวันออก ขณะเดียวกันหลักเกณฑ์ในโหราศาสตร์ตะวันออกหลายข้อ เป็นหลักเกณฑ์ที่เกิดจากตำแหน่งสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับระบบสายนะได้ ในการนำเสนอจึงจะนำเสนอรวมกันไปทั้งสองระบบ สำหรับวิธีการนำเสนอเนื้อหานั้น ในตอนแรกคิดว่าจะนำเสนอ ตามลักษณะของโครงสร้างทางโหราศาสตร์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ แต่ก็กลัวจะเป็นการยากในการวางโครงเนื้อหาที่จะเขียน ดีไม่ดีจะทำให้เขียนไม่ออกไปเลย ก็เลยตัดสินใจว่าจะเขียนแบบคิดอะไรได้ก็เขียนไปก่อนแล้วกันแบบที่ใช้กับการเขียนบทความในเรื่อง “ความรัก คู่แท้ บุพเพสันนิวาส กับวิชาโหราศาสตร์และการสมพงศ์ดวงชะตา” ส่วนเนื้อหาหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามในตอนที่ 2 ครับ

ชาญชัย เดชะเสฏฐดี
11 ตุลาคม 2550
 

----------

ขอ ขอบคุณ ท่านผู้เขียนบทความที่ให้ความกรุณาแก่เว็บไซต์แห่งนี้  อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ และผมขอจำกัดความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเว็บ เท่าที่กฎหมายและกติกาสังคมกำหนด ท่านที่ประสงค์จะร่วมเขียนบทความเช่นนี้ โปรดติดต่อ webmaster@rojn-info.com